ปัญหาโลกร้อน(Global warming) เป็นภัยอันตรายอันใหญ่หลวงของมวลมนุษยชาติ และลูกหลานของเราในอนาคต
ถ้าไม่มีมาตรการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน(Disruptive changes) ใดๆ ภายในปี 2100 โลกของเราอาจประสบกับภัยพิบัติอย่างมหาศาล
ไม่ว่า Superstorm ซึนามิ แผ่นดินไหว น้ำท่วมเมืองสำคัญทั่วโลก รวมไปถึง การแก่งแย่งอาหารยิ่งกว่าทองคำ
We Are So Screwed: Study Warns Of 5 Degree Celsius Warming By 2100
Global warming เป็นภัยคุกคามทั่วโลกแบบ “ภายนอก”
แต่ยังมีภัยคุกคามต่อทุกคนแบบ “ภายใน” อีกที่เราอาจจะอยู่กับมันจนลืมสังเกตไป
“ Internal warming “ หรือคือ “ความเร่าร้อนภายในจิตใจของเราทุกคนนั่นเอง”
เคยไหมที่ กำลังจะไปทำงาน แต่แล้วก็มีเรื่องกวนใจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และเป็นเรื่องที่ล้วนแล้วแต่ต้องจัดการมันทันที
เพราะมัน “ตะโกนเสียงดัง”
ทำให้ตัวของมัน ถูกจัดลำดับความเร่งด่วนขึ้นมาก่อน
ทั้งๆที่หลายเรื่องนั้น มีความสำคัญไม่มาก
แต่เราก็ต้องลงไปจัดการมันก่อนอยุ่ดี
เช่น บางคนมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบมาก
มีภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาก่อนหน้า และต้องทำให้เสร็จทันเวลา
รวมไปถึงงานประจำหลักที่ส่งผลต่อผู้อื่น
ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานที่รองานของเราเพื่อไปประกอบเป็นงานขั้นตอนสุดท้าย
คนไข้ที่รอหมอมาดูญาติที่กำลังป่วย
ทุกนาทีที่คนไข้ กับญาติเฝ้ารอดูว่า เมื่อไหร่หมอจะมาถึง
ความเร่าร้อนในใจของคนไข้ และญาติ บางทีมันร้อนกว่าอุณหภูมิของโลกเสียอีก
หมอเองก็เร่งรีบอย่างสุดกำลัง
แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดได้ตลอด
ไม่ว่า ญาติสนิทของหมอป่วย
ลูกหมอป่วย หมาที่บ้านก็ไม่มีใครดูแล
รวมไปถึงเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่าง ท่อน้ำที่ฝังอยุ่ในกำแพงห้องน้ำแตก น้ำรั่วออกมาเป็นทางยาวตลอดคืน
ถ้าเราเอาเครื่อง fMRI ไปสแกนสมองของหมอในตอนนี้
สิ่งที่จะเห็นก็คือ
Credit:https://atlasofscience.org/fear-of-anxiety-and-the-brain/
จากรูปแสกนสมองด้านบน จะเห็นได้ว่า บริเวณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความเครียด วิตกกังวลกำลังทำงานอย่างมาก
ซึ่งก็จะส่งผลต่อสมาธิของเจ้าของสมอง
ประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องการสมาธิอย่างสูง ก็จะต่ำกว่าที่เคยเป็น
หรือจะพูดง่ายๆว่า “สมองกำลังร้อน” “Brain on fire”
แค่ส่งต่อ “Serotonin” ก็ลด “สมองร้อน” ได้!!!
https://karmayogadaily.com/2016/04/17/how-to-enhance-your-serotonin-level/
ในขณะที่สมองของเราที่กำลังร้อนเป็นไฟ
ระดับซีโรโทนิน(Serotonin) ที่เป็นสารสื่อประสาทภายในสมอง ที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย ก็แปรปรวน ลดลงกว่าปกติ
แค่เราทำอย่างไรก็ได้ให้ระดับของ Serotonin กลับขึ้นมาเป็นปกติ เจ้าของสมองก็จะมีอารมณ์ที่ดี ผ่อนคลายขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ดังที่พบเห็นได้จากการให้ยาเพิ่มระดับของ Serotonin ในผู้ป่วยวิตกกังวล และซึมเศร้า
เพียงได้รับยาไปไม่กี่สัปดาห์ อาการวิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า ก็จะดีขึ้นได้อย่างมาก
แต่ ในกรณีที่ไม่ได้เจ็บป่วยล่ะ แค่มีสถานการณ์ไม่คาดคิดเข้ามาพร้อมๆกัน
เราในฐานะคนพบเห็น คนใกล้ชิด เพื่อน จะช่วยเพิ่มระดับ Serotonin ให้เค้าได้อย่างไรล่ะ
ง่ายๆ ก็แค่ มองเข้าไปในตา ฟังในน้ำเสียงของเค้า อย่างเข้าใจ
แล้วลองช่วย “ส่งต่อ Serotonin” ให้กับเค้า
ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น
เพื่อนที่มีน้ำใจหลายๆคน ช่วยกันผลัดมาดูแลบ้านให้อย่างร่าเริง
บ้างก็มาดูแลน้องหมาให้เป็นอย่างดี
บางคนพอได้รู้ว่า มีปัญหาท่อน้ำในกำแพงรั่ว น้ำไหลตลอดคืน ก็ไม่รอช้า
พาลูกน้องที่เป็นช่างมาช่วยแก้ไขให้อย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้ดูเป็นเรื่องที่อาจไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก ในสายตาคนอื่นๆ
แต่ในสมองของคนที่กำลังกังวลว่า จะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรดี
มันช่างคือความรู้สึกอิ่มเอม ผ่อนคลาย และขอบคุณอย่างสูงสุด
และเมื่อย้อนกลับมาดูสมองของเค้าในตอนนี้
สิ่งที่จะเห็นก็คือ
https://www.so-mindfulness.com/494-2/az/
สมองของเค้าจะ “เย็นลง” ผ่อนคลายคล้ายกับคนที่ผ่านการ “ทำสมาธิ” มานั่นเอง
และเมื่อตรวจถึงระดับของ Serotonin ภายในสมองตอนนี้
ก็จะพบว่า ระดับของ Serotonin เพิ่มขึ้นมาอยุ่ในระดับใกล้เคียงปกติ
นั่นคือ
“น้ำใจที่ “หยิบยื่น” ให้(Active mercy)”
มันคือการ “ส่งต่อ Serotonin” ให้กับเค้านั่นเอง!!!
Serotonin ที่ส่งต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเค้ามีอารมณ์ที่ดีขึ้น ผ่อนคลาย ไร้กังวล เค้าก็จะกลับไปทำหน้าที่หลักได้ดีตามเดิม
ทำได้อย่างปลอดกังวล
งานที่คั่งค้าง คนไข้ และญาติที่รออยู่
ซึ่งภายในสมองของผู้คนเหล่านั้นก็ “ร้อน” อยู่เช่นกัน
เมื่อสิ่งที่รอคอย ค่อยๆได้รับการแก้ไขจากคนที่เค้าเฝ้ารอ
สมองของคนเหล่านั้น ก็จะ “เย็นลง” เช่นกัน
ระดับ Serotonin ในสมองของเค้าเหล่านั้น ก็จะค่อยๆกลับมาเป็นปกติเช่นกัน
นั่นก็คือ
“น้ำใจที่ “หยิบยื่น” ให้(Active mercy) คือ การส่งต่อ Serotonin ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด “
“Internal warming” ก็จะกลายเป็น “Internal cooling” ในที่สุด
เมื่อ “โลกภายใน เย็นลง” เชื่อเถอะว่า “โลกภายนอก ก็จะเย็นลงตาม”
เรามาส่งต่อ Serotonin กันเถอะครับ
คิดปรับมุม BRAINCHEF
DOCTOR T NEURO
ดอกเตอร์ทีนิวโร