เช้าวันจันทร์ คุณมาถึงที่ทำงานแต่เช้า ตั้งใจจะเคลียร์งานทั้งหมดที่ค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว พอเปิดคอมพิวเตอร์ นั่งไล่เช็คอีเมลล์ไปได้ 20 ข้อความ แล้วเพื่อนร่วมงานก็เข้ามาชวนไปดื่มกาแฟ สุดท้าย งานที่คิดจะเคลียร์ ก็ถูกยกไปเป็นของวันพรุ่งนี้อีกครั้ง…
ภาวะดินพอกหางหมู(Procrastination) เป็นภาวะที่พบได้ราว 20% ของผู้ใหญ่วัยทำงานทั่วโลก มีบันทึกเอาไว้ตั้งแต่สมัยยุคอาณาจักรอียิปต์โบราณ ดังนั้นไม่แปลกครับว่า คุณ และผม ต่างก็เคย หรือกำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่เช่นกัน
ภาวะนี้เป็นเพราะขี้เกียจ ไม่มีวินัย หรือเพราะความเป็นคนสมบูรณ์แบบกันแน่(คิดบวก 555)
ถ้าเราสามารถที่จะหาวิธีที่จะเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง น่าเชื่อถือ และพิสูจน์ได้จริง ก็คงจะดีนะ เพราะเมื่อทราบสาเหตุที่แท้จริง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีวิธีการที่เป็นหลักการที่น่าจะนำไปใช้แก้ปัญหานี้สำหรับคนส่วนใหญ่ได้จริงๆ อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างน้อยก็เป็นความโชคดีในยุคที่วิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามาไกลพอสมควร ปัจจุบันเรามีเครื่องมือที่สามารถสแกนการทำงานของสมอง ในขณะที่เรากำลังคิด หรือ ไม่คิด อยู่ภายในใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในสมองของเรา เครื่องมือนั้นก็คือ fMRI(Functional MRI) นั่นเองครับ
ประสาทวิทยาศาสตร์ของภาวะดินพอกหางหมู
The Neuroscience of Procrastination
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ทำการสแกนสมองศึกษาถึงกลไกการทำงานภายในสมองที่เกี่ยวข้องกับภาวะดินพอกหางหมูนี้(Procrastination) ได้ผลที่น่าสนใจดังนี้ครับ
โดยธรรมชาติสมองส่วนต่างๆของเราจะเชื่อมโยง(Wired) เข้าหาซึ่งกัน และกัน เพื่อที่จะสร้างร่องรอย(Footprint) เอาไว้สำหรับการคาดคะเน(Predict) และทำงานโดยอัตโนมัติ(Automate) เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์(Situation) และสิ่งเร้า(Stimuli) ที่เข้ามากระทบในแต่ละช่วงเวลาของวัน
บรรพบุรุษของเราอาศัยร่องรอย(Footprint) นี้มาโดยตลอด และใช้เป็นหลัก เพราะสิ่งแวดล้อมในอดีตการ เป็นสภาวะแวดล้อมที่อันตรายต่อชีวิต การตัดสินใจช้าเพียงเสี้ยววินาที เราอาจจะกลายเป็นเหยื่อของนักล่าอื่นๆได้ในทันที ดังนั้นสมองของมนุษย์ยุคโบราณในส่วนของสัญชาตญาณ(Instinct) และอารมณ์(Emotion or Limbic system) ก็จะถูกเรียกใช้งานอย่างเป็นอัตโนมัติ(Automatic) อย่างเป็นปกติ
แต่ในยุคปัจจุบัน สภาวะแวดล้อมได้เปลี่ยนไปมาก เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบตัดสินใจทำอะไรในทันทีเหมือนสมัยโบราณ เพราะเราสามารถที่จะยื้อเวลาในการตัดสินใจออกไปได้ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อเราในทันที
มนุษย์ยุคใหม่มีสมองส่วนหน้า(Prefrontal cortex) ที่เจริญเติบโตขึ้นเป็นสัดส่วนที่มากเมื่อเทียบกับสมองส่วนสัญชาตญาณ(Instinct) และอารมณ์(Emotion or Limbic system) สมองส่วนหน้า(Prefrontal cortex) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน(Planning) การตัดสินใจ(Decision making) ตรรกะ และเหตุผล(Reasoning) รวมไปถึงการยับยั้งชั่งใจ(Inhibition control)
เช่น เมื่อมีคนขับรถมาปาดหน้าเราอย่างกระชั้นชิด เราเกิดอารมณ์โกรธ(Anger) สมองส่วนสัญชาตญาณ(Instinct) เลือกที่จะปกป้อง และกำจัดสิ่งที่คิดว่าเป็นอันตราย(Threat) และสัญชาตญาณจะพุ่งพล่าน ออกมาควบคุมเรามากขึ้นเมื่อได้รับการเพิ่มขนาดให้มากขึ้น(Magnified) ด้วยอารมณ์
เช่น เหตุการณ์ที่คนปาดหน้ารถเรา สัญชาตญาณเริ่มจะทำงาน แต่ยังไม่มากนัก แต่เมื่อเรากดแตรเตือนรถคันนั้น แล้วเค้าตอบสนองด้วยการขับกลับมาอยู่ข้างหน้ารถเราอย่างกระชั้นชิดอีกครั้ง แล้วเปิดไฟฉุกเฉินใส่เรา สมองส่วนอารมณ์(Limbic system) ก็จะกลับมาทำงานมากขึ้น และทำงานเปรียบเสมือนจูนเนอร์ที่ไปเพิ่มขนาด(Magnify) การทำงานของสมองส่วนสัญชาตญาณ ให้กระทำอะไรลงไปในแบบที่เรียกว่า “อารมณ์ชั่ววูบ“ ได้
แต่สำหรับคนที่มีการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ดีพอ สมองส่วนนี้ก็จะเข้ามาควบคุมการทำงานของสมองส่วนอารมณ์ และสัญชาตญาณ ด้วยการยับยั้ง(Inhibit) พฤติกรรมที่ไม่ดีไม่ให้เกิดขึ้น ด้วยกลไกต่างๆ อย่างเช่น การทบทวนเรื่องราวใหม่(Reappraisal) ด้วยการคิดว่า เช้านี้เค้าอาจจะมีเรื่องไม่ดีเข้ามาเยอะ ทำให้ขับรถอย่างไม่ระวัง และควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ ถ้าเราปล่อยเค้าไป อย่างมากก็เสียเวลาไม่ถึงครึ่งนาที แต่ถ้าลงไปทะเลาะกัน อาจเป็นเรื่องราวลุกลามใหญ่โต ได้ไม่คุ้มเสีย
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ภาวะดินพอกหางหมู
How is all this related to procrastination?
ในอดีตโบราณ สมองส่วนอารมณ์(Limbic system) และสัญชาตญาณ(Instinct) ควบคุมการทำงานโดยรวมของสมองบรรพบุรุษของเรา
แต่มนุษย์ยุคใหม่ มีสมองส่วนหน้า(Prefrontal cortex) ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสมาธิ เหตุผล การตัดสินใจ และการยับยั้งชั่งใจที่เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
และด้วยผลจากการสแกนสมองด้วยเครื่อง fMRI พบว่า ภาวะดินพอกหางหมูนั้น แท้ที่จริงก็คือ ภาวะที่สมองส่วนหน้า ไม่สามารถที่จะเข้าไปควบคุมการทำงานของสมองส่วนอารมณ์ได้ดีพอ ทำให้การตอบสนอง และการกระทำทั้งหมดเพียงพอให้เกิดอารมณ์พึงพอใจในผลตอบแทนระยะสั้น(Short-term benefit) มากกว่าการมองไปถึงผลระยะยาว(Longterm benefit)
Current neuroimaging research shows that procrastination occurs when various pre-frontal regions of the brain fail in regulating impulsivity.
Zhang W. Identifying the Neural Substrates of Procrastination: a Resting-State fMRI Study. Scientific Reports. 2016;6:33203. doi:10.1038/srep33203.
เมื่อเราได้เจาะเข้าไปในการทำงานของสมองจนค้นพบได้แล้วว่า แท้ที่จริงแล้ว ภาวะดินพอกหางหมู(Procrastination) นั้นมันมีกระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นภายในสมองที่เป็นรูปแบบที่ชัดเจน ค่อนข้างจะตายตัว
คือ สมองส่วนหน้า(Prefrontal cortex) ขาดการควบคุมและยับยั้ง(Inhibit) สมองส่วนอารมณ์(Limbic system) ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดความพึงพอใจในระยะสั้น(Short-term gratification) นั่นเอง
เมื่อภาวะนี้มีรูปแบบการทำงานภายในสมองที่ชัดเจน จับต้องได้เป็นรูปธรรม(Objective) ไม่ใช่แค่นามธรรม(Subjective) อีกต่อไป ประกอบกับความรู้เรื่อง สมองยืดหยุ่นได้(Neuroplasticity) คือความสามารถในการปรับเปลี่ยนการทำงาน และโครงสร้างของสมองส่วนต่างๆได้ด้วยการฝึกฝน(Trainable)
เท่ากับว่า เราสามารถที่จะฝึกสมองของเราให้ควบคุมภาวะดินพอกหางหมู(Procrastination) ได้นั่นเอง
ไว้ครั้งหน้า ผมจะมาเล่าถึง วิธีการที่จะเข้าไปควบคุมสมองของเราให้ลดภาวะดินพอกหางหมู(Procrastination) ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ทางสมอง(Neuroscience) นะครับ
คิดปรับมุม BrainChef
DoctorT Neuro
ดอกเตอร์ทีนิวโร