นกที่บินสูง เพราะรู้จักขนของตัวมันเองดีกว่านกที่บินต่ำ…
คนเราก็เช่นกัน จะเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าคนเดิมได้ ต้องมีการพัฒนา
ถ้าหยุดพัฒนา ก็จะถูกแซงอย่างแน่นอน
ไม่มีใครอยากอยู่รั้งท้าย
ดังนั้นการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คำถามก็คือว่า แล้วเราจะพัฒนาจุดไหนในตัวของเรา
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะหยิบกระดาษขึ้นมา เพื่อลองลิสต์จุดที่ “ตัวเอง” คิดว่าเป็นจุดพัฒนา
แต่ด้วยธรรมชาติของสมองมนุษย์ เราจะมีความลำเอียง หรืออคติ(Bias) ที่ทำให้เราคิดว่า
“เรารู้จักตัวเราเอง ดีกว่าที่คนอื่นๆรู้จักตัวเรา”
และเรามักจะเลือกที่จะฟังความเห็นจากคนอื่นที่สอดคล้องกับความเห็นของเรา(Confirmation bias)
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้โอกาสในการพัฒนาตัวเองของเราหายไป โดยที่เราไม่รู้ว่า เรากำลังถูกสมองส่วนใน(Inner brain) หลอกเราอยู่

ด้วยกลไกป้องกันตัวเองของสมองส่วนใน ทำให้หลายคนมีแนวโน้มที่จะแยกความแตกต่างของ หมอกจางๆ(Love critics) กับ ควัน(Hate critics) ไม่ออก
หลายคนเลยเลือกที่จะละเลย และรับฟัง คำวิจารณ์ดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
หรือที่แย่ไม่แพ้กันก็คือ
หลายคนเลือกที่จะรับฟังเฉพาะกลุ่มคนที่เค้าเห็นว่าเป็นพวกเดียวกับเค้าเท่านั้น(In group bias)

เกิดอะไรขึ้นในสมองของเรา เมื่อได้รับฟังคำวิจารณ์(Critics)…
ทันทีที่หูของเราส่งสัญญาณเสียงที่เป็นคำวิจารณ์ไปยังสมองส่วนกลีบขมับ(Temporal lobe) และมีการแปลออกมาเป็นภาษาที่เราเข้าใจ
สมองส่วนกลีบขมับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวงจรสมองส่วนอารมณ์(Limbic system)
ดังนั้นเมื่อเราได้ยินคำวิจารณ์ ไม่ว่าจะเกิดจากเจตนาที่ดี(Love critics) หรือเจตนาที่ไม่ดี(Hate critics)
สมองของเราจะสร้างอารมณ์ขึ้นมาในแทบจะทันที
และเนื่องจากสมองส่วนนี้เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสมองส่วนใน(Inner brain) ที่เป็นสมองส่วนดึกดำบรรพ์
สมองส่วนในเคยชินกับการมองทุกอย่างเป็นเรื่องลบ เรื่องอันตราย เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธ์ุมนุษย์
ดังนั้นเมื่อสมองชั้นกลางบริเวณกลีบขมับได้รับเสียงคำวิจารณ์
สมองส่วนใน ก็จะเชื่อมโยงโดยอัตโนมัติว่า น่าจะเป็นเรื่องไม่ดีไว้ก่อน
(อาจมีข้อสงสัยว่า แล้วมนุษย์ที่สมองชั้นในคิดบวกเด่นเป็นปกติไม่มีเลยเหรอ ตรงนี้คาดว่า มนุษย์ที่สมองส่วนในคิดบวกเด่นเป็นปกติ ได้สูญพันธ์ุตายไปหมดจากการถูกสัตว์ป่าในยุคหินกินไปหมดแล้วมั้งครับ 555)
ด้วยกลไกของสมอง ทำให้มนุษย์เรา มีแนวโน้มระวังตัวเองมากขึ้น
เราจึงแยกระหว่าง หมอกจางๆ และควัน ได้ยากเสียเหลือเกิน

แล้วเราจะเพิ่มความสามารถในการแยกระหว่าง Love critics และ Hate critics ได้อย่างไรล่ะ???
ด้วยสมองชั้นใน และชั้นกลางที่บดบังความสามารถในการแยกแยะเรื่องไม่ดี กับเรื่องที่ดี มีการทำงานในแบบอัตโนมัติ(Autopilot) และรวดเร็ว(Fast thinking)
เราก็ต้องรอเวลาให้สมองทั้งสองส่วนหยุดพักตัวลง และให้สมองส่วนหน้า(Frontal lobe) ที่มีหน้าที่แยกแยะถูก ผิด เหตุ และผล ซึ่งทำงานได้ช้ากว่า ได้มีโอกาสได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานแทน
ดังนั้นเมื่อเราได้ยินคำวิจารณ์ เราควรทำดังต่อไปนี้
-
ยิ้ม และพูดคำว่า “อืม ขอบคุณ ขอบใจนะ” เพราะเมื่อเรายิ้ม โดยธรรมชาติ สมองส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อหน้าที่ทำหน้าที่ในการยิ้ม จะถูกเชื่อมโยงกับสมองส่วนอารมณ์ดี เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเราอารมณ์ดี เราจึงยิ้ม เป็นปกติ เมื่อเราลองทำกลับกัน เรายิ้ม สมองส่วนอารมณ์ดี ก็จะถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน
-
อย่าเพิ่งตอบกลับ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่กับคำวิจารณ์นั้นๆ เพราะขณะนั้น สมองส่วนเหตุผล เรายังไม่ได้เริ่มทำงาน แต่เป็นสมองชั้นใน และชั้นกลางเข้ามาทำงานอยู่แทน สิ่งที่เราตอบกลับไป ผสมด้วยอารมณ์เป็นหลัก
-
รอผ่านไป 24 หรือ 48 ชม เสียก่อน ค่อยกลับมาคิดแยกแยะถึงคำวิจารณ์นั้นๆอีกครั้งว่า สมเหตุ สมผล หรือไม่ เพราะอะไร ซึ่ง ณ ตอนนี้ สมองส่วนสัญชาตญาณ และอารมณ์ทำงานน้อยลงมากแล้ว เราจะสามารถดึงความสามารถของสมองส่วนเหตุผล(Frontal lobe) ออกมาได้เต็มที่นั่นเอง
สรุป
โอกาสในการพัฒนาเป็นคนที่ดีกว่า สำคัญอยู่ที่ความสามารถในการแยกแยะระหว่าง หมอกจางๆ(Love critics) และควัน(Hate critics) ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจถึงกลไกในสมองที่บดบังความสามารถในการแยกแยะ รวมไปถึงวิธีการทางสมองที่จะเพิ่มศักยภาพในการแยกแยะคำวิจารณ์ทั้งสองอย่างนี้ให้ออก
คิดปรับมุม BrainChef
DoctorT Neuro
ดอกเตอร์ทีนิวโร
Like this:
ถูกใจ กำลังโหลด...
Published by Doctor T Neuro
I am a neurologist interested in neuropsychiatry
ดูเรื่องทั้งหมดโดย Doctor T Neuro