ใช้ Facebook อย่างไร ในการสร้าง “นิสัยใหม่” ให้ลูกของคุณ

father-1633655_1920
บทสนทนายามเช้าระหว่าง ลูกชาย กับคุณพ่อ
พ่อ : โตขึ้น ลูกอยากเรียนอะไรอะครับ
ลูก : ผมอยากเรียนด้านโฆษณาอะครับพ่อ
พ่อ : ลูกคงชอบงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์อะดิ
ลูก : อ๋อ ป่าวอะครับ ผมชอบ “วิจารณ์” คนอื่นๆอะครับ มันสนุกดี
พ่อ : ??? แล้วทำไมถึงเรียนด้านโฆษณาอะครับ
ลูก : ก็ผมเห็นพ่อ วิจารณ์ ทุกคนบน Facebook อยู่ทุกวันเลยอะครับ ดูแล้วน่าสนุกดี ผมอยากทำได้แบบพ่ออะครับ
อ่านเพิ่มเติม “ใช้ Facebook อย่างไร ในการสร้าง “นิสัยใหม่” ให้ลูกของคุณ”

Pro-cras-ti-na-tion จัด-การ-ได้-อย่าง-ไร

“จากการสแกนสมองด้วยเครื่อง fMRI พบว่า ภาวะดินพอกหางหมู(Procrastination) นั้น แท้ที่จริงก็คือ ภาวะที่สมองส่วนหน้า(Prefrontal cortex) ไม่สามารถที่จะเข้าไปควบคุมการทำงานของสมองส่วนอารมณ์(Limbic system) ได้ดีพอ ทำให้การตอบสนอง และการกระทำทั้งหมดเพียงพอให้เกิดอารมณ์พึงพอใจในผลตอบแทนระยะสั้น(Short-term benefit or Gratification) มากกว่าการมองไปถึงผลระยะยาว(Longterm benefit)”
Current neuroimaging research shows that procrastination occurs when various pre-frontal regions of the brain fail in regulating impulsivity.
ticking now on check boxes
อ่านเพิ่มเติม “Pro-cras-ti-na-tion จัด-การ-ได้-อย่าง-ไร”

สะกดสมอง หยุดดินพอกหางหมู (Neuroscience of Procrastination)

เช้าวันจันทร์ คุณมาถึงที่ทำงานแต่เช้า ตั้งใจจะเคลียร์งานทั้งหมดที่ค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว พอเปิดคอมพิวเตอร์ นั่งไล่เช็คอีเมลล์ไปได้ 20 ข้อความ แล้วเพื่อนร่วมงานก็เข้ามาชวนไปดื่มกาแฟ สุดท้าย งานที่คิดจะเคลียร์ ก็ถูกยกไปเป็นของวันพรุ่งนี้อีกครั้ง…
อ่านเพิ่มเติม “สะกดสมอง หยุดดินพอกหางหมู (Neuroscience of Procrastination)”

(ตอนที่ 2) ฝึกลูกอย่างไร ให้ชนะ Googling

“ในยุคนี้ที่จะหาอะไรก็ Googling ได้หมด คนที่จะอยู่รอดไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่าง เพราะในแต่ละวินาทีก็จะมีข้อมูลใหม่ทะลักเข้ามา ความรู้ที่เรามีก็จะกลายเป็นความรู้ทีล้าสมัย(Outdated) ได้ในทันที”

อ่านเพิ่มเติม “(ตอนที่ 2) ฝึกลูกอย่างไร ให้ชนะ Googling”

(ตอนที่ 1) ฝึกลูกอย่างไร ให้ชนะ Googling

จากการโหมกระหน่ำของข้อมูลข่าวสารอันมหาศาลในยุคปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า IOKO(Information Overload Knowledge Overflow) ได้ส่งผลต่อการทำงานในหลายส่วนของสมอง และจิตใจของลูกเรา โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่วัยรุ่นที่สมองส่วนที่ตอบสนองต่อการได้รางวัล(Reward system) มีความไวเป็นพิเศษ(Sensitive) และสมองส่วนนี้จะมีการหลั่งสารสื่อสมองที่เรียกว่า โดปามีน(Dopamine) เมื่อรู้สึกมีความสุข เคลิบเคลิ้มไปกับการได้รับการยอมรับ(จากยอด Like ที่สูง) ส่งผลให้วัยรุ่นในยุคนี้ มีสมาธิที่สั้น(Short attention span) และมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า(Depression) ได้ง่าย 
ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สมาธิที่สั้นลง เพราะมัวแต่มองหาสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์สุข เช่น รูปของตัวเองที่มียอดไลค์ที่สูง รวมไปถึง การที่สมองของเด็กยุคใหม่ถูกฝึกให้ตัดสินใจเร็วที่จะ “รีบเชื่อ” “รีบแชร์” และ “คอมเมนต์” ในเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นมาในแต่ละวัน เพราะไม่ต้องการที่จะตกกระแส(FOMO – Fear Of Missing Out) และการต้องการได้รับการยอมรับจากสังคม(Conformity) ล้วนส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองของเด็กโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากการรีบตัดสินใจ “เชื่อ แชร์ และคอมเมนต์” นั้น ทำให้มีแต่การสร้างวงจรสมองส่วนเร็ว(Fast system)* ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และความเชื่อเป็นหลัก ในขณะที่สมองส่วนตรรกะ และเหตุผล ที่ทำงานได้ช้า แต่ทรงประสิทธิภาพมากกว่า(Slow System) ไม่มีโอกาสได้ทำงานเท่าไหร่นัก ซึ่งหลักการของสมองที่ได้รับการพิสูจน์แล้วก็คือ ยิ่งใช้สมองส่วนไหน สมองส่วนนั้นก็จะมีการเชื่อมโยงใหม่ๆเกิดขึ้นตลอด ทำให้สมองส่วนนั้นทำงานได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นทำงานได้อย่างอัตโนมัติ(Autopilot) ในขณะที่สมองที่ไม่ค่อยได้ถูกใช้ ก็จะมีการเชื่อมโยงลดลงเรื่อยๆ ก็จะทำให้มีความยากลำบากในการใช้งานมากยิ่งขึ้นไป
**ซึ่งถ้าผู้ใดสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระบบการคิดแบบเร็ว และช้า(Fast and Slow systems) สามารถที่จะอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ “Thinking, Fast and Slow” ของ Daniel Kahneman ผู้ได้รับรางวัลโนเบลปี 2002 สาขา  Nobel Memorial Prize in Economic Sciences
woman-3169680_1920.jpg
นั่นก็คือ Social medias ที่มีปริมาณข้อมูลมากมหาศาล(IOKO) ที่ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีการเชื่อมโยงสมองในส่วนของความเชื่อ และอารมณ์(Fast system) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่การใช้เหตุผลลดลง สมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับหลักการ และเหตุผล(Slow system) ก็มีการเชื่อมโยงที่ลดลงไปเรื่อยๆ สุดท้าย ก็จะส่งผลให้สังคมเรามีแต่เด็ก ที่ใช้แต่ความเชื่อ และอารมณ์ มากกว่าการใช้หลักการ และเหตุผลในที่สุด
ถ้าเรายังปล่อยไปแบบนี้ สุดท้าย เด็กเหล่านี้ก็จะคิดเองไม่เป็น เชื่อแต่การชี้นำของสังคม และคนรอบข้างเป็นหลัก ไม่สามารถที่จะคิดอะไรที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ได้เลย(Innovation) และพวกเค้าเหล่านั้น ก็จะต้องแพ้ต่อเทคโนโลยีที่มีแต่จะก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดดในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง ปัญญาประดิษฐ์(AI) และการค้นหาข้อมูลอันมหาศาลจากการ Googling ได้ในเสี้ยววินาที แต่พวกเค้ากลับไม่รู้ว่า ข้อมูลไหน จริง เท็จ หรือมีประโยชน์อะไรหรือไม่

question-mark-2492009_1920 (1).jpg

อ่านเพิ่มเติม “(ตอนที่ 1) ฝึกลูกอย่างไร ให้ชนะ Googling”