สอนลูกให้ดักจับความคิดสร้างสรรค์เป็น

ชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์แต่เราสั่งให้เกิดไม่ได้
.
หลายคนคงเคยอ่านบทความเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์มามากมาย
.
บางตำราบอกว่าเกิดในช่วงก่อน 3 ขวบปีแรกสอดคล้องกับการเติบโตของสมองซีกขวาในเวลานั้น
.
บางสำนักพูดถึงการเรียนแบบเล่นของเด็กเพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์
.
แต่หลายครั้งทำไมเด็กที่ดูเหมือนจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีโตขึ้นกลับเสมือนเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้ซึ่งจินตนาการ
.
นั่นเพราะความคิดสร้างสรรค์เปรียบเสมือนอากาศ
.
เรารู้สึกถึงมันได้แต่เมื่อไหร่ที่พยายามจะจับมันมันจะหายไปในทันที
.
มันเพราะอะไร???
.
นั่นเพราะเรากำลังใช้สมองผิดวงจร
.
วงจรพื้นฐานในการทำงานของสมองมนุษย์เรามีอยู่ 2 อย่างหลักๆ
 
.
หนึ่งวงจรคิดเอาเรื่อง
 
 
.
 
สองวงจรคิดเอาเล่น
 
 
 .
เมื่อเราต้องการทำงานที่ใช้สมาธิเป็นตรรกะและเหตุผลอย่างจริงจังอยู่ในโลกแห่งเหตุผลและความเป็นจริงเราจะใช้วงจรคิดเอาเรื่อง(Executive function)
.
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากำลังปลดปล่อยอารมณ์ทำใจล่องลอยแบบที่เราเรียกว่าใจลอย(Mind wandering) หรือฝันกลางวัน(Day dreaming) เราจะใช้วงจรที่มีชื่อเรียกว่า Default Mode Network(DMN)
.
 
 
.
ดังนั้นการที่เราพยายามจะจับสร้างบีบเค้นความคิดสร้างสรรค์ออกมาอย่างตั้งใจกลับกลายเป็นว่าเรากำลังใช้สมาธิในการคิดแบบเอาเหตุผลซึ่งนั่นเป็นการไปเรียกใช้วงจรคิดเอาเรื่อง(EF) ออกมาแทน
.
วงจรนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการคิดแบบเอาเหตุเอาผล
.
แต่ความคิดสร้างสรรค์หรือจินตนาการนั่นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าการคิดไร้สาระ
.
เมื่อเราจะคิดไร้สาระเราต้องเรียกใช้สมองส่วนใจลอยหรือฝันกลางวันซึ่งก็คือวงจรส่วน DMN นั่นเอง
.
ซึ่งมีการศึกษาถึงการทำงานของสมองด้วยเครื่องสแกนการทำงานของสมองที่มีชื่อเรียกว่า fMRI ยืนยันถึงวงจรเหล่านี้ว่ามีอยู่จริง
.
แล้วเราจะสลับสวิทซ์จากวงจรคิดเอาเรื่อง(EF) ไปสู่วงจรคิดเอาเล่น(DMN) ได้อย่างไร
.
จะมาเล่าต่อในตอนหน้านะครับ
 

อ่านเพิ่มเติม “สอนลูกให้ดักจับความคิดสร้างสรรค์เป็น”

Seize Your Creativity

#มาช่วยลูกคุณดักจับความคิดสร้างสรรค์กันเถอะ
เมื่อนักวิทยาศาสตร์กำลังดักจับความคิดสร้างสรรค์…
คุณเคยถูกหัวหน้าบอกกับคุณว่าทำไมคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ไหม
คุณอยากให้ลูกของคุณ โตขึ้นเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เจ๋งๆบ้างหรือไม่
ถ้าใช่ ผมเชื่อเหลือเกินว่า บทความนี้จะต้องมีประโยชน์กับคุณบ้าง ไม่มากก็น้อย
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่า ความคิด และจิตใจ(Mind) นั้น เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่เรารับรู้ และสัมผัสถึงมันได้
ในขณะที่ สมอง(Brain) นั้น เราจับต้อง และมองเห็นได้ ทั้งทางกายภาพ(Structure) และการทำงาน(Function) ผ่านทางเครื่องมือสแกนสมองสมัยใหม่
Mind ไม่สามารถที่จะอยู่โดยลำพังได้ มันจำเป็นต้องมีที่อยู่ และที่อยู่ของ ความคิด และจิตใจ(Mind) ก็คือ สมอง(Brain) นั่นเอง
สมอง(Brain) และจิตใจ(Mind) จึงเป็นสิ่งที่คู่กัน ขาดจากกันไม่ได้
เดิมที่เราเชื่อว่า เซลล์สมองเกิดมาเท่าไหร่ มีแต่ตายลงไปทุกวัน ไม่สามารถจะสร้างใหม่ ได้ แต่ปัจจุบัน เรามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มากมายที่แสดงให้เห็นว่า สมองเรามีความยืดหยุ่น(Neuroplasticity)
Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง หมายถึง ความสามารถในการปรับตัว และปรับปรุงเซลล์สมอง และการเชื่อมโยงภายในระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ที่เรียกว่า การเชื่อมสัมผัสระหว่างเซลล์สมอง(Synapse)
เมื่อเราฝึกฝน อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง ในการใช้ความคิด ในการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างต่อเนื่องนานพอ สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นทักษะ และ Synapse ภายในสมองของเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ดังนั้น เมื่อสมองยืดหยุ่นได้จากการฝึกฝน นั่นก็หมายถึงว่า ความคิด และจิตใจของคนเรา สามารถถูกฝึก และพัฒนาให้ดีขึ้นได้นั่นเอง
ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) ก็เช่นกัน เราพัฒนาให้ดีขึ้น มากขึ้นได้
ถึงตอนนี้ ฟังดูน่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ
ไว้ผมจะมาเล่าในรายละเอียดอีกครั้งนึงนะครับ
ถ้าชอบโปรด Like ถ้าใช่โปรด Share นะครับ
#คิดปรับมุม#BrainChef
DoctorT Neuro
ดอกเตอร์ที นิวโร
https://www.facebook.com/DoctorTNeuro/

อ่านเพิ่มเติม “Seize Your Creativity”